เค้กชารัสเซียมังสวิรัติ


เค้กชารัสเซียมังสวิรัติ เหล่านี้มีเนื้อฟู เนย และนุ่ม พร้อมความกรุบกรอบจากวอลนัทและรสหวานอ่อนๆ ทำภายใน 30 นาทีโดยใช้ส่วนผสมเพียง 5 อย่าง เป็นขนมหรือของว่างที่สมบูรณ์แบบสำหรับเสิร์ฟพร้อมชาสักถ้วย!

ฉันชอบสูตรอาหารดีๆ ฉันชอบที่จะตื่นขึ้นในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์และใช้เวลาทำขนมอร่อยๆ ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ครัวมีกลิ่นหอม จากนั้นนั่งลงเพื่อเพลิดเพลินกับขนมที่นำความทรงจำอันท่วมท้นกลับคืนมา

เค้กชารัสเซียเหล่านี้เป็นมังสวิรัติ 100% เช่นกัน ฉันขอแนะนำให้คุณปล่อยให้พวกเขาไปโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการของว่างหรือของหวานใหม่ที่มาพร้อมๆกันในเวลาไม่นาน ฉันแน่ใจว่าคุณจะรักพวกเขามากเท่าที่ฉันรัก!

เค้กชารัสเซียมังสวิรัติ คืออะไร?

เค้กชารัสเซียหรือคุกกี้สโนว์บอลเป็นบิสกิต/คุกกี้ชนิดหนึ่งที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสคล้ายกับขนมชนิดร่วน มีรสเนยและเข้มข้น มีความหวานอ่อนๆ และเสิร์ฟเคลือบน้ำตาลไอซิ่งเป็นชั้นๆ โดยทั่วไปแล้วจะมีการเพิ่มวอลนัทหรือพีแคนเพื่อความกรุบกรอบ

แม้ว่าโดยทั่วไปจะให้บริการในช่วงวันหยุด แต่ก็เหมาะสำหรับทุกฤดูกาล ตัวอย่างเช่น ฉันชอบทำมันสำหรับปิกนิกในช่วงฤดูร้อน พวกเขายังต้องการส่วนผสมเพียงไม่กี่อย่างและใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาที สูตรอาหารมังสวิรัติของฉันก็ไม่มีข้อยกเว้น! ฉันทำมันมาหลายปีแล้ว ดังนั้นฉันจึงตื่นเต้นมากที่จะแบ่งปันกับคุณในที่สุด

สูตรบะหมี่มันฝรั่งหวาน (วีแกน) เมนูวิเศษกับถั่วดำ

เค้กชารัสเซียมังสวิรัติ

วัตถุดิบ

  • แป้ ง2 ถ้วย
  • น้ำตาลไอซิ่ง ½ ถ้วย + 3 ช้อนโต๊ะ
  • เนยมังสวิรัติ 1 ถ้วย นิ่มลง
  • สารสกัดวานิลลา 1 ช้อนชา
  • วอลนัทสับละเอียด 1 ถ้วยตวง

คำแนะนำ

  1. เปิดเตาอบที่ 350 องศาฟาเรนไฮต์ (180 องศาเซลเซียส) แล้ววางถาดอบด้วยกระดาษรองอบ
  2. ใส่แป้งและน้ำตาลไอซิ่ง ½ ถ้วยลงในชามผสมขนาดใหญ่ ตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนยวีแก้นลงไปแล้วรวมเข้ากับส่วนผสมแห้งโดยใช้ส้อมจนเข้ากันดีและกลายเป็นแป้ง ตอนนี้เพิ่มวานิลลาสกัดและวอลนัทสับแล้วผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
  3. ปั้นแป้งเป็นคุกกี้ขนาดเท่ากัน 15 ชิ้น (ใช้แป้งประมาณ 1 ½ ช้อนโต๊ะต่อคุกกี้) แล้ววางลงบนถาดอบ นำเข้าอบในเตาอบที่อุ่นไว้ประมาณ 15 นาทีจนกรอบด้านนอกและมีสีทองอ่อน
  4. ผสมกับน้ำตาลไอซิ่งที่เหลือทันที พร้อมเสิร์ฟ

Credit  ufa168

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *