ลูกชิ้นไก่พิต้ากับมันฝรั่งทอด
ลูกชิ้นไก่พิต้ากับมันฝรั่งทอด เป็นอาหารมื้อค่ำในคืนวันธรรมดาที่สมบูรณ์แบบเรียบง่ายดีต่อสุขภาพและอร่อย ลูกชิ้นไก่แบบแผ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกรีกเสิร์ฟในรูปแบบชามพร้อมซอสอะโวคาโดครีมและมันฝรั่งทอดปรุงรสแสนอร่อย เป็นหนึ่งในดินเนอร์ที่ทุกคนในโต๊ะต้องหลงรัก
ส่วนผสม
มันฝรั่งทอดปรุงรส
- มันฝรั่งสีน้ำตาล 4 ลูกหั่นเป็นไม้ขีดหนา ¼ นิ้ว
- น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนู 1 ช้อนชา หรือพริกขี้หนูรมควัน
- ผงกระเทียม 1/2 ช้อนชา
- ผงหัวหอม 1/2 ช้อนชา
- พริกป่น 1/4 ช้อนชา
- เกลือทะเล
ลูกชิ้น
- ไก่บด 1 ปอนด์
- หอมแดง 1 หัว สับละเอียดหรือขูด
- กานพลู กระเทียม 1 สับหรือขูด
- ออริกาโนแห้ง 2 ช้อนชา
- พริกขี้หนูรมควัน 1 ช้อนชา
- ยี่หร่าบด 1 ช้อนชา
- เกลือโคเชอร์และพริกไทยดำ
- พิต้าสดหรือนานอุ่น
- ผักกาดหอมสมุนไพรและเฟต้าสำหรับเสิร์ฟ
ซอสอะโวคาโด
- อะโวคาโดขนาดใหญ่ 1 ลูก ลดลงครึ่งหนึ่ง
- โยเกิร์ตกรีกธรรมดา 1/4 ถ้วย
- ใบโหระพาสด 1/2 ถ้วย
- Jalapeño 1 เมล็ด ถ้าต้องการ
- น้ำมะนาว 1 ลูก
ขั้นตอนการทำ ลูกชิ้นไก่พิต้ากับมันฝรั่งทอด
1. เปิดเตาอบที่ 250 ° C
2. โยนมันฝรั่งน้ำมันมะกอกและเกลือเล็กน้อยเข้าด้วยกันบนถาดอบขนาดใหญ่ กระจายทอดในชั้นที่เท่ากัน อย่าให้กระทะแน่นเกินไป นำเข้าอบ 15-20 นาทีจากนั้นพลิกและอบอีก 15 นาที
3. ในขณะเดียวกันให้ทำลูกชิ้น ใส่ไก่หอมแดงกระเทียมออริกาโนปาปริก้ายี่หร่าและเกลือพริกไทยเล็กน้อยลงในชาม ผสมจนเข้ากัน ทาน้ำมันด้วยมือแล้วคลึงเนื้อให้เป็นลูกกลมขนาดช้อนโต๊ะ (จะทำลูกชิ้น 14-15 ลูก) วางบนกระดาษรองอบที่มีแผ่นรองอบ ส่วนผสมจะเปียก แต่จะแน่นขึ้นในเตาอบ นำเข้าอบประมาณ 15 นาทีหรือจนกว่าลูกชิ้นจะกรอบและสุกทั่ว
4. ทอดให้เสร็จ ใส่ปาปริก้าผงกระเทียมผงหัวหอมและพริกป่นลงในชามใบเล็ก นำของทอดออกจากเตาอบแล้วนำไปปรุงรสทันที ปรุงรสด้วยเกลือ
5. ทำซอสอะโวคาโด รวมส่วนผสมทั้งหมดในเครื่องปั่นและผสมจนเนียนและเป็นครีม ปรุงรสด้วยเกลือ
6. ในการเสิร์ฟให้กระจายอะโวคาโดลงบนจาน เพิ่มไฟลนก้นผักกาดเฟต้าทอดและลูกชิ้น โรยด้วยเกลือทะเล
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อีกหนึ่งเมนูแนะนำ พาสต้าไก่พาร์เมซานครีมสไตล์ภาคใต้
Credit sagame66
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *