กิมจิ เครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้
กิมจิ เป็นอาหารที่กินเป็นเครื่องเคียง คู้กับอาหารจานหลัก เช่นเนื้อย่าง แกงเนื้อ ซุปกิมจิ หรือ กับแก้มกิมจิสามารถท่านเล่นคู่กับเหล้าถือว่า เข้าคอกันได้ดีเลยที่เดี่ยว
กิมจิ มีส่วนประกอบอย่างไร
ไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่คนเกาหลีส่วนมากจะทำติดไว้ในตู้เย็นไม่ค่อยมีบ้านไหนขาดเพราะเป็นอาหารเครื่องเคียงที่สามารถทานกับข้าวสวยร้อนๆได้ด้วยเหมือนกัน
วิธีทำกิมจิมไม่ยาก วัตถุดิบหลักๆจะมี กระหล่ำ หัวใชเท่า แครอท ซอสกิมจิ แตงกวา เกลือ แป้งข้าวเจ้า พริกป่นเกาหลี น้ำปลา น้ำตาลทราย ต้นหอมซอย หัวหอมหั่นใหญ่ กระเทียม ขิงสับสูตรทำกิมจิ เกาหลีให้อร่อยเหมือนแม่ครัวเกาหลีมาทำเอง ผักดองรสชาติเปรี้ยวเผ็ด เมนูคู่โต๊ะของคนเกาหลี ตอนนี้ฮอตฮิตในหมู่คนไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะนำมาทำ ข้าวผัดกิมจิ, ซุปกิมจิเต้าหู้, หรือจะนำมากินกับข้าวสวยร้อน ๆ ฟินไม่แพ้กัน กิมจิเป็นอาหารมังสวิรัตน์ ไม่ทำให้อ้วน หลายๆคนนิยมรับประทาน ประเทศเกาหลีเป็นต้นกำเนิดทำให้ประเทศนอกรู้จักกันอย่างแพร่หลายและติดใจในรสชาติของกิมจิ
กิมจิเป็นผักดองที่มีรสชาติออกเค็มเปรี้ยวเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านคิดค้นสูตรขึ้นมาเอง ตัวกิมจิใช้เวลาการหมกดองแค่ 2-3วันก็นสามารถนำมาทานได้แล้วกิมจิ มีสีสันที่สดแดงส้มหน้ารับประทานเป็นอย่างมาก ผักดองเค็ม ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงทราบกันอยู่แล้วว่า กิมจิเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของเกาหลีที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งเริ่มมาจากการหมักผักต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นผักกาดขาว มีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว และกลิ่นฉุนที่เป็นเอกลักษณ์
ซึ่งชาวเกาหลีนิยมกินอยู่ในทุกมื้ออาหาร ปัจจุบันก็ถูกดัดแปลงมาประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ กิมจิเป็นพิถีชีวิตอาหารหลักปกติของคนเกาหลีไปแล้ว ซึ่นคนไทยอย่างเราก็ชื่นชอบมันเช่นกัน กิมจิถูกพัฒนามาจากอาหารที่เหลือใช้เหลือกินนำมาดักแผลงแปรรูปเป็นอาหารดองเป็นเครื่องเคียงจานโปรดประจำบ้านไปแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและควรประหยัดไปในตัวอีกด้วย
ปัจจุบันกิมจิเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนเกาหลี ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปแห่งหนไหนก็มักจะนำติดตัวไปด้วยเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้กิมจิเริ่มเกิดการแพร่หลาย แรกเริ่มก็กระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง ประเทศจีน รัสเซีย รัฐฮาวาย และโดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่นำกิมจิมาเป็นเครื่องเคียงในอาหารของตัวเอง เรียกว่า “คิมุชิ” และปรับรสชาติให้เข้ากับอาหารบ้านตนมากขึ้น ในเวลาต่อมาผักดองชนิดนี้ก็แพร่ขยายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศไทยของเรานั่นเอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *